กรมชลประทานเดินหน้า 4 โครงการประตูระบายน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้งให้ประชาชนลุ่มน้ำน่าน  (พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์) เพิ่มน้ำต้นทุนกว่า 142 ล้าน ลบ.ม. ช่วยเหลือเกษตรกร 129,500 ไร่
กรมชลประทาน เร่งผลักดัน 4 โครงการ อาคารบังคับน้ำเร่งด่วนในลำน้ำน่าน  เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยอย่างยั่งยืน คาดช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในลำน้ำได้กว่า 142 ล้านลูกบาศก์เมตร และเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้เกษตรกรกว่า 1.2 แสนไร่
ณ ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 3 จังหวัดพิษณุโลก นายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้า 4 แผนงานโครงการอาคารบังคับน้ำเร่งด่วนในลำน้ำน่าน ประกอบด้วย โครงการประตูระบายน้ำ (ปตร.) "ท้ายเมืองพิษณุโลก", "โคกสลุด", "บางไผ่" และ "วังหมาเน่า”เพื่อเป็นเครื่องมือแก้ภัยแล้ง-น้ำท่วม ลำน้ำน่าน
นายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมชลประทานได้วางแผนพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำน่านมาโดยตลอด มีแหล่งน้ำที่สำคัญ อาทิ เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน, เขื่อนทดน้ำผาจุก และเขื่อนทดน้ำนเรศวร เมื่อรวมกับอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็ก สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ 10,430.25 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีแผนพัฒนาจัดหาแหล่งเก็บกักน้ำในระยะกลาง (ปี 2565-2575) เพิ่มเติมอีก เช่น อ่างเก็บน้ำน้ำปาด (ภูวังผา), อ่างเก็บน้ำน้ำกอน เป็นต้น ซึ่งคาดว่าสามารถมีน้ำกักเก็บเพิ่มได้อีกประมาณ 799 ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทานจึงมีนโยบายใช้ลำน้ำน่านเป็นแหล่งเก็บกักน้ำ ซึ่งเป็นที่มาของโครงการที่กำลังดำเนินการศึกษาฯ อยู่ในขณะนี้
จากการศึกษาแผนหลักการพัฒนาประตูระบายน้ำในลำน้ำน่าน ปี 2566-2567 พบว่ามีศักยภาพ 7 โครงการ และได้คัดเลือกมาศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเร่งด่วน จำนวน 4 โครงการ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
โครงการประตูระบายน้ำท้ายเมืองพิษณุโลก (ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.พิษณุโลก)

ลักษณะ: อาคาร ปตร. คอนกรีตเสริมเหล็กในช่องลัดลำน้ำน่าน, บานประตูตรง 4 บาน (กว้าง 12.50 ม. สูง 7.50 ม.) และฝายพับได้ 2 ช่อง (กว้าง 15.00 ม. สูง 4.00 ม.) พร้อมทางผ่านปลาความจุเก็บกัก: 44.33 ล้าน ลบ.ม.
พื้นที่รับประโยชน์: 17,762 ไร่ (สถานีสูบน้ำ 10 แห่ง)
โครงการประตูระบายน้ำโคกสลุด (ต.โคกสลุด อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก)
ลักษณะ: อาคาร ปตร. คอนกรีตเสริมเหล็กกั้นลำน้ำน่าน, บานประตูตรง 4 บาน (กว้าง 12.50 ม. สูง 8.50 ม.) และฝายพับได้ 2 ช่อง (กว้าง 15.00 ม. สูง 4.00 ม.) พร้อมทางผ่านปลา ความจุเก็บกัก: 18.21 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์: 11,365 ไร่ (สถานีสูบน้ำ 8 แห่ง)

โครงการประตูระบายน้ำบางไผ่ (ต.บางไผ่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร)
ลักษณะ: อาคาร ปตร. คอนกรีตเสริมเหล็กกั้นลำน้ำน่าน, บานประตูตรง 4 บาน (กว้าง 12.50 ม. สูง 8.50 ม.) และฝายพับได้ 2 ช่อง (กว้าง 15.00 ม. สูง 4.00 ม.) พร้อมทางผ่านปลาและประตูเรือสัญจร ความจุเก็บกัก: 37.71 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์: 54,565 ไร่ (สถานีสูบน้ำ 24 แห่ง)

โครงการประตูระบายน้ำวังหมาเน่า (ต.ทับกฤช อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์)
ลักษณะ: อาคาร ปตร. คอนกรีตเสริมเหล็กในช่องลัดลำน้ำน่าน, บานประตูตรง 4 บาน (กว้าง 12.50 ม. สูง 8.50 ม.) และฝายพับได้ 2 ช่อง (กว้าง 15.00 ม. สูง 4.00 ม.) พร้อมทางผ่านปลาและประตูเรือสัญจร ความจุเก็บกัก: 41.94 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์: 45,749 ไร่ (สถานีสูบน้ำ 15 แห่ง)

เมื่อรวมทั้ง 4 โครงการ จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในลำน้ำน่านได้รวมกว่า 142.19 ล้าน ลบ.ม. และช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้รวม 129,441 ไร่

โครงการดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยสื่อมวลชนได้เข้าร่วมการประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการศึกษาความเหมาะสมฯ ทั้งเวที ปตร.โคกสลุด และ ปตร.ท้ายเมืองพิษณุโลก เมื่อวันที่ 6 พ.ย.68 ซึ่งมี นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเป็นประธานเปิดประชุม ซึ่งทั้ง 2 เวทีการประชุมอยู่ภายใต้ โครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม อาคารบังคับน้ำในแม่น้ำน่าน จ.น่าน จ.พิษณุโลก จ.พิจิตร และ จ.นครสวรรค์    พร้อมรับฟังสรุปผลการศึกษาแผนหลักและผลการศึกษาความเหมาะสมอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำน่าน ที่ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 3 วันที่ 7 พ.ย.68  และลงพื้นที่โครงการประตูระบายน้ำท้ายเมืองพิษณุโลก รับฟังปัญหา ความต้องการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ โดย นายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก , ประชาชนกลุ่มผู้ใช้น้ำ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ
นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า "จังหวัดพิษณุโลกมีแม่น้ำสายหลักคือแม่น้ำน่าน แต่ที่ผ่านมาก็ประสบปัญหาทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง โครงการนี้จึงมีประโยชน์อย่างยิ่ง จังหวัดพร้อมที่จะสนับสนุน เพราะถ้าดำเนินการเสร็จ จะช่วยเหลือป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในฤดูฝนก็สามารถคอนโทรลน้ำได้ รวมถึงการนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในการทำประปาและการเกษตร ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก"
นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า "เขื่อนท้ายเมือง (ปตร.ท้ายเมืองพิษณุโลก) มีประโยชน์ในการควบคุมปริมาณน้ำช่วงฤดูแล้ง รักษาระดับน้ำ และป้องกันตลิ่งพัง อีกทั้งเมื่อน้ำนิ่ง จะช่วยให้การสูบน้ำดิบมาทำประปามีคุณภาพดีขึ้น (ตะกอนลดลง) และยังสามารถวางแผนเรื่องการท่องเที่ยว ส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ในอนาคต"
ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ (ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ)  เปิดเผยว่า "ที่ผ่านมา ขาดน้ำทำการเกษตรในฤดูแล้ง  สถานีสูบน้ำไม่ค่อยถึงทำให้ขาดน้ำ หากมีอาคารบังคับน้ำในพื้นที่ จะทำให้เกษตรกรทำการเกษตรได้อย่างมั่นคง  ถ้ามีอาคารบังคับน้ำเป็นขั้นบันได อนาคตของลูกหลานจะไม่ขาดแคลนน้ำ รอคอยโครงการนี้มายาวนานและดีใจมาก ขอบคุณกรมชลประทานที่รับฟังเสียงประชาชน"

นายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 กล่าวสรุปว่า "วัตถุประสงค์หลักของ ปตร. ทั้ง 4 แห่ง คือการเก็บน้ำไว้ในลำน้ำน่านเพื่อใช้ในช่วงฝนทิ้งช่วงและฤดูแล้ง การสร้าง ปตร. เป็นช่วงๆ จะช่วยทดน้ำให้สูงขึ้น แม้ความจุรวม 140 กว่าล้าน ลบ.ม. อาจดูไม่เยอะ แต่ ปตร. เหล่านี้จะทำงานประสานกับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เมื่อระดับน้ำลดลงก็จะส่งน้ำจากด้านบนมาเสริม นี่คือความมั่นคงด้านน้ำ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของกรมชลประทาน ในการพัฒนาแหล่งน้ำ เพิ่มพื้นที่ชลประทานให้มากขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้พี่น้องเกษตรกรมีน้ำใช้อุปโภคบริโภคและทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี"

ทั้งนี้เมื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำ 4 โครงการแล้วเสร็จ สามารถกักเก็บน้ำในลำน้ำน่านเพิ่มขึ้นอีก 142.19 ล้าน ลบ.ม. ส่งน้ำให้กับพื้นที่ทำการเกษตรสองฝั่งลำน้ำน่านในเขตพิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ ประมาณ 129,441 ไร่ เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำ ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ เป็นแหล่งน้ำอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศลำน้ำน่าน สนับสนุนประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์รัฐวิสา หกิจไทยฯ"

"กรมการข้าว"