"กรมชลประทาน"
กรมชลประทาน เดินหน้า 3 โครงการเร่งด่วน ปตร.ลำน้ำชี “บ้านโนนเขวา-บ้านท่าสวรรค์-บ้านท่าสองคอน”หวังเป็นเครื่องมือบริหารจัดการน้ำ น้ำต้นทุนเพิ่มกว่า 57 ล้าน ลบ.ม.
วันที่ 14 พ.ย. 2567 ที่ห้องประชุม อบต.ท่านางแนว อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น นายเกื้อศักดิ์ ทาทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา สำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน พร้อมด้วยนายสุริยงค์ พลน้ำเที่ยง ปลัดอำเภอ รักษาการแทนนายอำเภอแวงน้อย นายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน นายฉัตรดำรง หงษ์บุญมี ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 2 กรมชลประทาน
นายอัคคนิ รูปสูง นายก อบต.ท่านางแนว
นายอธิพงษ์ บุญเพลิง กำนันตำบลท่านางแนว ลงพื้นที่ลุ่มน้ำชีเพื่อติดตามผลการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอาคารบังคับน้ำในลำน้ำชี พร้อมเสนอ 3 โครงการเร่งด่วน “ปตร.บ้านโนนเขวา-ปตร.บ้านท่าสวรรค์-ปตร.บ้านท่าสองคอน” สามารถเพิ่มน้ำต้นทุนให้กับลำน้ำชี กว่า 57 ล้าน ลบ.ม. หวังใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการน้ำภัยแล้ง-น้ำท่วม อย่างยั่งยืนต่อไป
นายเกื้อศักดิ์ ทาทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธาสำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมาได้มีการวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำชีมาตลอด มีแหล่งน้ำที่สำคัญ เช่น เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำปาว เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนลำปะทาว เขื่อนลำคันฉู รวมกับอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ 5,068 ล้าน ลบ.ม. หรือ ร้อยละ 45 ของปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายปี ปัจจุบันยังมีแผนพัฒนาจัดหากักแหล่งเก็บน้ำที่สำคัญ เช่น อ่างเก็บน้ำลำเจียง อ่างเก็บน้ำลำสะพุง อ่างเก็บน้ำลำชี เป็นต้น ซึ่งคาดว่าสามารถมีน้ำกักเก็บเพิ่มได้อีกประมาณ 200 ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทาน ยังได้มีนโยบายที่จะหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมโดยใช้ลำน้ำชีเป็นแหล่งกักเก็บ จึงเป็นที่มาของโครงการที่กำลังดำเนินการศึกษา ฯ นี้ ”
จากการศึกษาแผนหลักการพัฒนาประตูระบายน้ำในลำน้ำชี พบว่า โครงการประเภทอาคารบังคับน้ำและประตูระบายน้ำเฉพาะที่ตั้งอยู่ลำน้ำชี มีทั้งหมด จำนวน 10 โครงการ โดยผลการคัดเลือกแผนงานโครงการมีศักยภาพ ในลำดับต้นและประชาชนในพื้นที่มีความต้องการจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการประตูระบายน้ำบ้านโนนเขวา
(2) โครงการประตูระบายน้ำ และ
(3) โครงการประตูระบายน้ำบ้านท่าสองคอน จึงได้นำโครงการดังกล่าวไปดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและศึกษาประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนดำเนินงานในขั้นต่อไป ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนธันวาคม 2567 นี้
สำหรับโครงการประตูระบายน้ำบ้านโนนเขวา ตั้งอยู่ในเขตบ้านโนนเขวา ต.ท่านางแนว อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เป็นการก่อสร้างประตูระบายน้ำในช่องลัดของแม่น้ำชี ชนิดอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กควบคุม ด้วยบานระบายเหล็กโค้ง มีขนาดบานประตูความ กว้างช่องละ 12.50 ม. สูง 8 ม. จำนวน 5 บาน มีอัตราการระบายน้ำสูงสุด 2,273 ลบ.ม./วินาที มีระดับกักเก็บ +167 ม. (รทก.) สามารถกักเก็บน้ำได้ 6.04 ล้าน ลบ.ม. พร้อมทำนบดินชนิดดินถมแกนดินเหนียว เพื่อปิดกั้นลำน้ำเดิมและอาคารทางผ่านปลาชนิดไอซ์ฮาร์เบอร์ (Ice Harbor) มีพื้นที่รับประโยชน์จากโครงการ ประกอบด้วย พื้นที่ชลประทานเปิดใหม่ 21,260 ไร่ และสนับสนุนฃพื้นที่ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเดิมตามลำน้ำชี จำนวน 5 สถานี พื้นที่ชลประทาน 16,550 ไร่ ครอบคลุม 3 อำเภอ 3 จังหวัด ประกอบด้วย อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น, อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ และ อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา
สำหรับโครงการประตูระบายน้ำบ้านท่าสวรรค์ ตั้งอยู่ในเขตบ้านท่าสวรรค์ ต.ท่าศาลา อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เป็นการก่อสร้างประตูระบายน้ำในช่องลัดของแม่น้ำชี ชนิดอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กควบคุมด้วยบานระบายเหล็กโค้ง มีขนาดบานประตูความ กว้างช่องละ 12.50 ม. สูง 11.50 ม. จำนวน 5 บาน มีอัตราการระบายน้ำสูงสุด 2,520 ลบ.ม./วินาที มีระดับกักเก็บ +156 ม. (รทก.) สามารถกักเก็บน้ำได้ 19.19 ล้าน ลบ.ม. พร้อมทำนบดินชนิดดินถมแกนดินเหนียว เพื่อปิดกั้นลำน้ำเดิมและอาคารทางผ่านปลาชนิดไอซ์ฮาร์เบอร์ (Ice Harbor) มีพื้นที่รับประโยชน์จากโครงการ ประกอบด้วย พื้นที่ชลประทานเปิดใหม่ 13,035 ไร่ และสนับสนุนพื้นที่ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเดิมตามลำน้ำชี จำนวน 19 สถานี พื้นที่ชลประทาน 24,500 ไร่ ครอบคลุม 5 อำเภอของ จ. ขอนแก่น ประกอบด้วย อ.ชนบท อ.บ้านไผ่ อ.บ้านแฮด อ.มัญจาคีรี และ อ.พระยืน
สำหรับโครงการประตูระบายน้ำบ้านท่าสองคอน ตั้งอยู่ในเขตบ้านท่าสองคอน ต.ท่าสองคอน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นการก่อสร้างประตูระบายน้ำในช่องลัดของแม่น้ำชี ชนิดอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กควบคุมด้วยบานระบายเหล็กโค้ง มีขนาดบานประตูความ กว้างช่องละ 12.50 ม. สูง 9.50 ม. จำนวน 6 บาน มีอัตราการระบายน้ำสูงสุด 2,864 ลบ.ม./วินาที มีระดับกักเก็บ +143 ม. (รทก.) สามารถกักเก็บน้ำได้ 32.46 ล้าน ลบ.ม. พร้อมทำนบดินชนิดดินถมแกนดินเหนียวเพื่อปิดกั้นลำน้ำเดิมและอาคารทางผ่านปลาชนิดไอซ์ฮาร์เบอร์ (Ice Harbor) พื้นที่รับประโยชน์จากโครงการ ประกอบด้วย พื้นที่ชลประทานเปิดใหม่ 18,275 ไร่ และสนับสนุนพื้นที่สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเดิมตามลำน้ำชี จำนวน 30 สถานี พื้นที่ชลประทาน 40,400 ไร่ ครอบคลุม 3 อำเภอ ของ จ.มหาสารคาม ประกอบด้วย อ.เมืองมหาสารคาม อ.โกสุมพิสัย และ อ.กันทรวิชัย
นายสุริยงค์ พลน้ำเที่ยง ปลัดอำเภอ รักษาการแทนนายอำเภอแวงน้อย กล่าวว่า จังหวัดขอนแก่นให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง โดยเฉพาะฤดูแล้งจะต้องมีการกักเก็บน้ำให้ประชาชนสามารถทำการเกษตรได้ โดยเฉพาะการเกษตรที่ใช้น้ำน้อย และเป็นเรื่องที่ดีที่ทางกรมชลประทาน จะเข้ามาพัฒนาโครงการแหล่งน้ำ โดยเฉพาะลำน้ำชีที่จะช่วยให้ประชาชนนั้นมีน้ำใช้สำหรับทำการเกษตรได้ตลอดปี เพราะปกติลำน้ำชีน้ำจะท่วมทุกปี หากมีการบริหารจัดการน้ำที่ดีก็จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นไปด้วย
นายอธิพงษ์ บุญเพลิง กำนันตำบลท่านางแนว อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น บอกว่า จากที่ผ่านมาในฤดูน้ำหลากน้ำจะหลากบ้าง แต่ในช่วงฤดูแล้งน้ำหายหมด ไม่สามารถเก็บน้ำได้เลย หากมีการสร้างประตูระบายน้ำบ้านโนนเขวาขึ้นจะช่วยให้ชาวบ้านใน 3 อำเภอในเขตนี้ รวมถึงอำเภออื่นๆใกล้เคียง อย่างอำเภอพล อำเภอหนองสองห้อง สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำอุปโภคบริโภคร่วมกันได้ตลอดปี หากโครงการสำเร็จแล้วจะช่วยให้ชาวบ้านได้ประโยชน์หลายด้านทั้งการประมง การปลูกพืชฤดูแล้ง ที่จะช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงด้านการท่องเที่ยวบริเวณประตูระบายน้ำที่จะสร้างเป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่ โดยการนำปลาฝา ปลาน้ำจืดที่เคยมีมากในบริเวณบ้านโนนเขวามาเป็นสัญลักษณ์ในประตูระบายน้ำแห่งนี้ด้วย
นายทองปัก มาพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น บอกว่า สถานีสูบน้ำบ้านหนองผือ เจอสภาพน้ำต้นทุนมีน้อยในช่วงฤดูแล้ง ลำน้ำชีไม่มีระบบกักเก็บน้ำ ทำให้พี่น้องไม่สามารถทำการเกษตรนอกฤดูได้ ทางชาวบ้านอยากให้มีน้ำต้นทุนอยู่ในลำน้ำชี เพื่อนำไปใช้ในการเกษตรได้ตลอดทั้งปีได้ หากมีการปรับปรุงสถานีสูบน้ำบ้านหนองผือ จะช่วยให้ชาวบ้านมีน้ำกินน้ำใช้อย่างพอเพียง โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีความจำเป็นในการใช้น้ำเพื่อการเกษตรกรรม ครอบคลุมพื้นที่ 9,000 ไร่ ที่จะนำน้ำมาทำการเกษตรนอกฤดูเสริมรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้
ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการตามแผนงานเร่งด่วน 3 โครงการแล้วเสร็จ จะทำให้ลำน้ำชีสามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้นอีก 57.69 ล้าน ลบ.ม. ส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเดิม 54 สถานี รวมพื้นที่ 81,450 ไร่ เพิ่มพื้นที่ชลประทานใหม่กว่า 52,570 ไร่ รวมพื้นที่ชลประทาน 134,020 ไร่ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับอุปโภค-บริโภค การประมง และ
การปศุสัตว์ สนับสนุนประเพณีท้องถิ่น การท่องเที่ยว รวมถึงกิจกรรมการใช้น้ำด้านอื่นๆ ซึ่งจะช่วยสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น