กรมชลฯเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพมโนรมย์-ช่องแค แก้ปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วม

🔴 กรมชลประทาน ระดมทุกภาคส่วนเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพมโนรมย์-ช่องแค แก้ปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วม

🟢 กรมชลประทาน จัดปัจฉิมนิเทศเปิดเวทีระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนโครงการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์และช่องแค จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรี เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง 
เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรอย่างยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
🟢 นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน  กล่าวว่า โครงการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์และช่องแค จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรี 
เป็นโครงการย่อยของโครงการเจ้าพระยาใหญ่ตอนบนจาก 16 โครงการ มีอายุการใช้งานมาแล้วมากกว่า 60 ปี ปัญหาปัจจุบันระบบชลประทานของโครงการมีประสิทธิภาพลดลงไม่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะการณ์ อีกทั้งคลองส่งน้ำฯ และอาคารประกอบใช้งานมาเป็นเวลานาน ส่งผลให้อาคารชำรุดเสียหาย รวมถึงอาคารควบคุมมีสภาพชำรุดทรุดโทรม และคลองส่งน้ำบางสายยังเป็นคลองดิน คลองระบายน้ำมีสภาพตื้นเขิน ขนาดคลองแคบลง ปัญหาการบุกรุกเขตคลองระบายน้ำ คันคลองระบายน้ำบางช่วงต่ำ ท่อรับน้ำจากปากคลองมีระดับสูงกว่าระดับน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสัก เกิดปัญหาในช่วงฤดูแล้งถึงต้นฤดูฝน เกษตรกรต้องใช้เครื่องสูบน้ำเข้าคลองเอง เนื่องจากระดับน้ำต่ำทำให้น้ำไม่เข้า ทรบ.ปากคลอง ส่งผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร และงบประมาณที่ใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมโครงการฯ มีอยู่อย่างจำกัด แม้ว่าจะมีการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งระบบได้ 
🟢 นายสุรชาติ กล่าวอีกว่า กรมชลประทานได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยดำเนินการปรับปรุงระบบชลประทานให้มีความสอดคล้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของคลองชัยนาท-ป่าสัก ให้มีความเหมาะสมและเพียงพอต่อการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงต้องมีการจัดทำรายงานการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์และช่องแค จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์และช่องแค ที่เชื่อมโยงกับระบบลำน้ำของโครงการข้างเคียงและลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีความสมดุลระหว่างการใช้น้ำ การระบายน้ำ และการรักษาคุณภาพน้ำ ซึ่งการกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวจะนำไปสู่การพัฒนาและการปรับปรุงระบบชลประทาน ระบบระบายน้ำ รวมถึงระบบลำน้ำที่มีอยู่เดิม การก่อสร้างอาคารกักเก็บน้ำในคลองระบายเพิ่มเติม การก่อสร้างสถานีสูบน้ำปลายคลองระบายน้ำลงคลองชัยนาท-ป่าสัก จะส่งผลดีต่อภาพรวมของโครงการฯ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ การสูบน้ำ บรรเทาปัญหาอุทกภัยและเก็บกักน้ำเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก รวมถึงการนำพลังงานทดแทนมาใช้ การดำเนินงานโครงการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์และช่องแค มีระยะเวลาดำเนินการ 540 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2566 สิ้นสุดวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567
🟢 การดำเนินงานโครงการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์และช่องแคจะมีความเชื่อมโยงกันโดย โครงการส่งน้ำฯ มโนรมย์ รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองชัยนาท-ป่าสัก และโครงการส่งน้ำฯ ช่องแค รับน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสัก 
🟢 สำหรับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์ มีแผนงานปรับปรุงคลองส่งน้ำและอาคารประกอบ 33 สาย ความยาว 215 กิโลเมตร และปรับปรุงระบบคลองระบายน้ำและอาคารประกอบ 24 สาย ความยาว 221 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการปรับปรุง 1,333.51 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าลุงทุนการปรับปรุงระบบส่งน้ำ 860.74 ล้านบาท,ค่าลุงทุนการปรับปรุงระบบระบายน้ำ 369.98 ล้านบาท, ค่าลงทุนด้านเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำ 4.45 ล้านบาท และค่าลงทุนด้านอาคารสถานที่/ครุภัณฑ์/บุคลากร 98.34 ล้านบาท ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพชลประทานในพื้นที่โครงการ 281,805 ไร่ เพิ่มพื้นที่ชลประทานในฤดูแล้ง 64,437 ไร่ เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 352 บาท/ไร่ คิดเป็นมูลค่า 143.43 ล้านบาท/ปี ช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่โครงการ จำนวน 330,314 ไร่ และสามารถลดพื้นที่น้ำท่วมได้ 32,681 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 9.89
🟢 ส่วนโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาช่องแค มีแผนงานปรับปรุง คลองส่งน้ำและอาคารประกอบ 26 สาย ความยาว 194 กิโลเมตร และปรับปรุงระบบคลองระบายน้ำและอาคารประกอบ 19 สาย ความยาว 237 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการปรับปรุง 1,313.90 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าลุงทุนการปรับปรุงระบบส่งน้ำ 808.85 ล้านบาท,ค่าลุงทุนการปรับปรุงระบบระบายน้ำ 425.75 ล้านบาท, ค่าลงทุนด้านเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำ 3.97 ล้านบาท และค่าลงทุนด้านอาคารสถานที่/ครุภัณฑ์/บุคลากร 75.33 ล้านบาท ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพชลประทานในพื้นที่โครงการ 245,320 ไร่ เพิ่มพื้นที่ชลประทานในฤดูแล้ง 52,612 ไร่ เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 276 บาท/ไร่ คิดเป็นมูลค่า 111.53 ล้านบาท/ปี ช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่โครงการ จำนวน 280,770 ไร่ และสามารถลดพื้นที่น้ำท่วมได้ 28,438 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.13

🟢 ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้นจะส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท นครสวรรค์ และลพบุรี สิงห์บุรี และพื้นที่ใกล้เคียงได้รับประโยชน์จากโครงการฯ มีน้ำกิน น้ำใช้ เพื่อการอุปโภค บริโภคและทำการเกษตรอย่างพอเพียง สร้างอาชีพและรายได้มั่นคง ประชาชนมีความอยู่ดี กินดี มีความสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป
🟢 นายวิทยา ชพานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า หากมีการพัฒนาโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์ บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จะสามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานในฤดูแล้งเป็น 64,437 ไร่ ส่งผลให้มีรายได้ด้านเกษตรเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 143.43 ล้านบาท/ปี หรือคิดเป็น 352 บาท/ไร่ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอุทภัยในพื้นที่ใครงการ 330.314 ไร่ สามารถลดพื้นที่น้ำได้ 32,681 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 9.89 จะสามารถสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์และช่องแค ได้ดียิ่งขึ้น และขอให้พี่น้องกลุ่มผู้ใช้น้ำได้ช่วยกันดูแลบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้างต่างๆให้ดีเพราะทั้งหมดคือประโยชน์ ผลพลอยได้ของเกษตรกรที่จะได้รับ
🟢 นายอนิวรรต์ ไพรดำ ผู้จัดการแปลงใหญ่ข้าวตำบลสนามแจง หมู่ที่2  ต. สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี   กลุ่มผู้ใช้น้ำในเขตคลองส่งน้ำ 14 ขวา  กล่าวว่า ทางกลุ่มมีสมาชิก 20 ราย ได้มีการผลิตพันธุ์ข้าวปทุมธานี1 ให้ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวลพบุรี จำนวน 900 กว่าไร่  เกษตรกรใช้น้ำจากคลองชัยนาท ป่าสัก โครงการช่องแค คลองส่งน้ำ 14 ขวา ที่ผ่านมาเกษตรกรแทบจะไม่ได้น้ำจากคลองส่งน้ำ 14 ขวาเป็นหลักแต่ใช้จากคลองระบายที่แยกย่อยออกมาที่เป็นหัวใจหลักในการส่งน้ำมาให้กับเกษตรกรที่ผลิตข้าว และก็ต้องขอบคุณกรมชลประทาน ที่จะมีการพัฒนาปรับปรุงคลองส่งน้ำ 14 ขวา ให้เป็นคลองส่งน้ำให้กับเกษตรกรเพื่อช่วยให้การเพาะปลูก การทำการเกษตรแบบยั่งยืนและ เกษตรกรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวได้ดียิ่งขึ้น  
🟢 นางเพ็ชรัตน์ ทองมี  กำนันตำบลโพธิ์ชัย อำเภออินทร์บุรึ จังหวัดสิงห์บุรี และประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำคลองส่งน้ำ 9 ขวา  ชัยนาท-ป่าสัก กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ใช้น้ำมีความต้องการในเบื้องต้นคือการกำจัดวัชพืชที่มีในคลองเยอะ อยากให้มีการดาดคลอง จะทำให้วัชพืชไม่ขึ้น การไหลของน้ำจะไหลได้ดีขึ้น  และธรณีประตูที่อยากทำให้ต่ำลง จะสามารถส่งน้ำเข้าไปในคลอง9 ขวา ได้ดีขึ้น ยังมีตรงพื้นที่ดงมัน อยากให้มีการปรับปรุงฝายน้ำ จากอันเดิมเก่ามาก อยากให้ทำประตูใหม่ ระบบจะได้ดีขึ้น หากมีการระบายน้ำ ส่งน้ำได้ดีจะทำให้ชาวบ้านที่เป็นเกษตรผลิตเมล็ดข้าวส่งศูนย์ข้าวชัยนาท สามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ชาวบ้านในพื้นที่แห่งนี้ได้มากขึ้น 
🟢 นายประจวบ พวงสมบัติ ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำเขาแก้ว ตำบลพยุหะ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นหนึ่งชุมชนที่อยู่ในพื้นที่การปรับปรุงสถานีสูบน้ำเขาแก้ว จุดสำคัญในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์  บอกว่า อยากให้มีการปรับปรุงสถานีสูบน้ำเขาแก้ว ที่สร้างมาหลายสิบปีแล้ว อยากให้มีประสิทธิภาพได้ดีกว่านี้ สามารถสูบน้ำได้แบบต่อเดียว ที่ปกติต้องสูบน้ำสองต่อทำให้กลุ่มผู้ใช้น้ำมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น โดยเฉพาะภาระค่าไฟที่มีการใช้จ่ายที่สูง หากมีการปรับปรุงสถานีสูบน้ำก็จะช่วยให้ชาวบ้าน เกษตรกรใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์รัฐวิสา หกิจไทยฯ"